ดวงอาทิตย์คือศูนย์กลางของระบบสุริยะ และก็เช่นเดียวกันในเชิงโหราศาสตร์ มันคือศูนย์กลางของบุคลิกภาพและจิตวิญญาณ ดวงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานที่ทุกสิ่งในจักรวาลเล็ก ๆ ของเราโคจรรอบ เช่นเดียวกับที่ความเป็นตัวตนของเรา กลายเป็นศูนย์กลางที่เรื่องราวชีวิตทั้งหมดเคลื่อนตาม Archetype ของดวงอาทิตย์จึงเป็นภาพของกษัตริย์ ผู้ปกครอง ผู้ให้กำเนิดแสง และตัวตนที่แท้จริงในจิตใจมนุษย์
ในมุมของ Jung ดวงอาทิตย์สอดคล้องกับ Archetype แห่ง Self หรือแกนกลางของจิตไร้สำนึกส่วนบุคคลและส่วนรวม Self คือสิ่งที่ใหญ่กว่าตัวกูเล็ก ๆ ที่เรารู้จัก มันคือความสมบูรณ์ที่รวมทั้งเงามืดและแสงสว่างเข้าไว้ด้วยกัน ดวงอาทิตย์ในดวงชะตาจึงไม่ได้บอกเพียงว่าเรามีบุคลิกแบบใด แต่สะท้อนเส้นทางการเดินทางเพื่อรวมศูนย์จิตวิญญาณ เพื่อให้เรากลายเป็นผู้ปกครองชีวิตของตนเองอย่างแท้จริง
หากดวงอาทิตย์เปรียบเหมือนกษัตริย์ ก็ย่อมมีทั้งด้านสูงและด้านเงา กษัตริย์ที่มีพลังแสงสว่างสามารถให้ชีวิต ปกป้อง และเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้อื่น แต่กษัตริย์ที่ตกอยู่ในเงามืดอาจกลายเป็นผู้เผด็จการ ผู้ใช้อำนาจเพื่อควบคุมและกดขี่ นี่คือภาพของ Archetype ที่ Jung กล่าวว่ามันมีทั้งศักยภาพสร้างสรรค์ และทำลาย การเรียนรู้ที่จะ “ครองบัลลังก์ภายใน” ของตนเองอย่างมีสติคือหัวใจของดวงอาทิตย์
เมื่อมองผ่านประสบการณ์ชีวิต ดวงอาทิตย์คือพลังที่ผลักดันให้เราค้นหาความหมายว่า “ฉันคือใคร” เราไม่ได้หยุดอยู่เพียงการทำหน้าที่ประจำวันหรือสวมบทบาททางสังคม แต่เราถูกกระตุ้นให้หาตัวตนแท้จริงที่อยู่ใต้หน้ากากเหล่านั้น การเดินทางของดวงอาทิตย์จึงเป็นเส้นทางของ individuation ตามที่ Jung เรียก คือกระบวนการที่เราแยกตัวออกมาเป็นบุคคลที่มีเอกลักษณ์ และในขณะเดียวกันก็เชื่อมกลับสู่ความสมบูรณ์ของจักรวาล
ในดวงชะตา ตำแหน่งราศีและเรือนของดวงอาทิตย์บอกเล่าว่า เราเลือกเส้นทางการเป็นกษัตริย์ในรูปแบบใด ดวงอาทิตย์ในราศีสิงห์อาจเป็นกษัตริย์ผู้เรืองอำนาจแห่งเวที ชอบการแสดงออกและสร้างแรงบันดาลใจแก่คนหมู่มาก ขณะที่ดวงอาทิตย์ในราศีพิจิกอาจเป็นกษัตริย์นักแปรธาตุ ผู้ครองบัลลังก์ผ่านการเปลี่ยนแปลงภายในอย่างลึกซึ้ง ส่วนดวงอาทิตย์ในราศีมังกรอาจเป็นกษัตริย์ผู้สร้างโครงสร้างและสถาบันที่มั่นคง สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงคำทำนาย แต่คือภาพ Archetype ที่จิตวิญญาณเลือกมาเพื่อให้ตัวเราได้เรียนรู้การเป็นผู้ปกครองตนเอง ในรูปแบบเฉพาะ
การเผชิญวิกฤติหรือความท้าทายในชีวิต ก็เป็นบทเรียนจากดวงอาทิตย์เช่นกัน วิกฤติคือการทดสอบว่าเราจะเป็นกษัตริย์เงามืดที่ล้มเหลวต่อแรงกดดัน หรือจะยืนหยัดบนบัลลังก์ด้วยปัญญาและเมตตา ทุกครั้งที่ผ่านเหตุการณ์ใหญ่ เรามักจะค้นพบความจริงบางอย่างของตัวเองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นั่นคือดวงอาทิตย์กำลังเผย Self ให้เราได้สัมผัส
การทำสมาธิและการภาวนา มักถูกเปรียบกับการหันกลับสู่ดวงอาทิตย์ภายใน แสงนี้ไม่ใช่แสงที่มองเห็นได้ด้วยตา แต่เป็นแสงแห่งสติและความตื่นรู้ที่ส่องให้เราเห็นความจริงของชีวิต เมื่อเราได้เชื่อมกับแสงนี้ เราจะไม่ต้องแสวงหาอำนาจจากภายนอกอีกต่อไป เพราะเรากลายเป็นผู้ปกครองตนเองแล้ว
ดวงอาทิตย์ในฐานะ Archetype จึงเป็นทั้งกษัตริย์ ผู้ให้แสง และตัวตนที่แท้จริง เมื่อเราเรียนรู้ที่จะโอบรับมันทั้งด้านสว่างและด้านเงา เราจะค้นพบศูนย์กลางชีวิตที่มั่นคง และเมื่อใดที่เรายืนหยัดในศูนย์กลางนี้ เราจะกลายเป็นแสงนำทางแก่ตนเองและแก่ผู้คนรอบข้าง
“การรู้จักดวงอาทิตย์ในดวงชะตา คือการรู้จักกษัตริย์ในหัวใจตนเอง เมื่อเราครองบัลลังก์ภายในได้ เราจะไม่ถูกโลกภายนอกโค่นล้ม เพราะแสงที่แท้จริงย่อมส่องจากภายในสู่ภายนอกเสมอ”
Line : @horomagick
>> https://lin.ee/E6cTL1k
หมายเหตุ:
ข้อความและรูปภาพบนเว็บไซต์นี้ ห้ามนำไปใช้ซ้ำหรือเผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต