โลกคือสนามพลังที่เราหายใจอยู่
เรามักคิดว่าโลกคือก้อนหินขนาดใหญ่ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ แต่ความจริง โลกคือสิ่งมีชีวิตที่มีสนามพลัง ห่อหุ้มตนเอง สนามแม่เหล็กโลก (Geomagnetic Field) ไม่เพียงทำหน้าที่ป้องกันรังสีคอสมิก แต่ยังเป็นรากฐานที่คอยเชื่อมต่อมนุษย์เข้ากับจักรวาลอย่างลึกซึ้ง เราทุกคนเติบโต ใช้ชีวิต และหลับตาลงในสนามนี้ตลอดเวลา
ในขณะเดียวกัน ดวงดาวและดาวเคราะห์แต่ละดวงก็มีสนามแรงโน้มถ่วงและสนามแม่เหล็กของตนเอง เมื่อพวกมันเคลื่อนผ่านในจักรวาล สนามเหล่านี้ไม่เพียงแค่ชนหรือดึงดูดกันในเชิงกล แต่ยังสร้างรูปแบบ เรโซแนนซ์ (Resonance) ที่สะท้อนมายังโลก และก้องสะท้อนเข้าสู่ระบบชีวภาพมนุษย์ ทั้งสมอง หัวใจ และอารมณ์
โหราศาสตร์จึงไม่ได้พูดถึงดาวเคราะห์ในฐานะวัตถุบนฟ้าเท่านั้น แต่ในฐานะ สัญญาณเรโซแนนซ์ ที่เชื่อมโยงกับสนามแม่เหล็กโลก และผ่านสนามนั้นเข้าสู่เรา
Schumann Resonance และจังหวะของชีวิต
โลกมีคลื่นหัวใจของตนเอง เรียกว่า Schumann Resonance คลื่นนี้เกิดจากการที่สนามแม่เหล็กโลกสั่นสะเทือนระหว่างผิวโลกกับชั้นไอโอโนสเฟียร์ ความถี่หลักคือประมาณ 7.83 Hz ซึ่งบังเอิญตรงกับคลื่นสมองอัลฟาของมนุษย์ (ช่วงคลื่นที่เรารู้สึกผ่อนคลาย มีสมาธิ และเชื่อมโยงกับสภาวะสมาธิขั้นต้น)
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่สะท้อนความจริงว่ามนุษย์และโลกคือระบบเรโซแนนซ์เดียวกัน เมื่อโลกสั่น เราก็สั่นด้วย และเมื่อเราทำสมาธิหรือจูนสมองลงสู่คลื่นอัลฟา เราก็กำลังจูนเข้าสู่จังหวะของโลก
ในโหราศาสตร์ จังหวะนี้ขยายไปสู่การเคลื่อนของดาวเคราะห์ ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส ล้วนมี “คลื่นสนาม” ที่เคลื่อนไหวเชื่อมโยงกับสนามแม่เหล็กโลก เมื่อพวกมันเข้ามุมสัมพันธ์ที่สำคัญ พลังเรโซแนนซ์จะเปลี่ยนจังหวะ Schumann ในลักษณะละเอียด ทำให้ผู้คนจำนวนมากพร้อมใจกันรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งในร่างกายและจิตใจ
หัวใจมนุษย์ : เครื่องรับคลื่นจักรวาล
การวิจัยทางวิทยาศาสตร์จาก HeartMath Institute พบว่า หัวใจมนุษย์สร้างสนามแม่เหล็กที่กว้างกว่าสมองหลายพันเท่า สนามนี้สามารถวัดได้และเปลี่ยนแปลงไปตามอารมณ์ เช่น เมื่อเรารู้สึกสงบ สนามหัวใจจะเป็นระเบียบ เมื่อเราวิตก สนามจะสั่นสะเทือนแบบไม่เสถียร
สนามหัวใจมนุษย์สามารถ ซิงโครไนซ์ (Synchronize) กับสนามแม่เหล็กโลก และยังซิงโครไนซ์กับผู้คนรอบตัวได้อีกด้วย นี่คือคำอธิบายทางวิทย์ว่าทำไมเราถึงรับพลังจากกันและกัน และทำไมการเปลี่ยนแปลงทางโหราศาสตร์ที่ใหญ่ เช่น สุริยคราสหรือการเข้ามุมดาวใหญ่ ถึงกระทบทั้งสังคมพร้อมกัน เพราะหัวใจของเรากำลังจูนกับสนามใหญ่ใบเดียวกัน
Resonance ของดวงดาวและโหราศาสตร์
ทุกดาวเคราะห์คือเครื่องกำเนิดเรโซแนนซ์ในสนามจักรวาล ดาวพฤหัสที่มีสนามแม่เหล็กมหาศาลกว่าของโลกถึง 20,000 เท่า ไม่ได้ส่งผลโดยแรงดึงตรง ๆ แต่โดยการก้องสะท้อนของคลื่นสนามที่แพร่กระจายทั่วจักรวาล
เมื่อดาวเหล่านี้เข้ามุมสัมพันธ์ เช่น Conjunction (0องศา), Square (90องศา), หรือ Opposition (180องศา) สนามเรโซแนนซ์จะเปลี่ยนรูปแบบ ทำให้สนามแม่เหล็กโลกจูนตัวใหม่ และในที่สุดส่งผลไปที่ระบบสมอง–หัวใจของมนุษย์
นี่คือเหตุผลว่าทำไมโหราศาสตร์ถึงไม่ใช่ความเชื่อไร้เหตุผล แต่คือภาษาที่ถอดรหัสเรโซแนนซ์ของสนามแม่เหล็กจักรวาลที่สั่นเข้าหากัน
การเข้าใจสนามแม่เหล็กโลกและเรโซแนนซ์ของดาว ทำให้เราเห็นว่าเราไม่ใช่ปัจเจกที่แยกขาดจากจักรวาล เราคือเซลล์หนึ่งในสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “โลก” และโลกเองก็เป็นเซลล์หนึ่งในจักรวาล เมื่อเราโกรธ สนามหัวใจเราก็ส่งคลื่นก่อกวน เมื่อเราสงบ สนามหัวใจเราก็เสริมสร้างความกลมกลืนกับสนามของโลก
การเลือกมีสติในชีวิตประจำวันจึงไม่ใช่เพียงการช่วยตัวเอง แต่คือการช่วยโลก เพราะทุกจังหวะหัวใจเราเป็นการฝากสัญญาณใหม่ลงในสนามแม่เหล็กโลก และสนามนี้ก้องสะท้อนกลับไปยังทุกคน
สนามแม่เหล็กโลกคือสะพานที่เชื่อมมนุษย์กับจักรวาล ดวงดาวไม่ได้ส่งผลโดยบังคับ แต่ทำงานผ่านเรโซแนนซ์ที่ก้องสะท้อนมายังสนามโลก และเข้าสู่สมองและหัวใจมนุษย์ โหราศาสตร์จึงไม่ใช่การอ่านดวงดาวเพียงอย่างเดียว แต่คือการอ่านสนามแม่เหล็กที่เรามีชีวิตอยู่ในนั้น
“เมื่อหัวใจจูนเข้ากับจังหวะของโลก เราจะพบว่าการเปลี่ยนดาวบนฟ้าไม่ใช่สิ่งไกลตัว แต่มันคือจังหวะเดียวกับลมหายใจของเราเอง”
Line : @horomagick
>> https://lin.ee/E6cTL1k
หมายเหตุ:
ข้อความและรูปภาพบนเว็บไซต์นี้ ห้ามนำไปใช้ซ้ำหรือเผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต