ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ วิทยาศาสตร์และโหราศาสตร์เคยเดินเคียงข้างกันมาอย่างยาวนาน ก่อนที่สองสิ่งนี้จะแยกออกจากกันในยุคสมัยใหม่ โหราศาสตร์ในสมัยโบราณไม่ได้เป็นเพียงการดูดวง หากแต่เป็นรากฐานของการสังเกตท้องฟ้าอย่างจริงจัง นักโหราศาสตร์คือผู้เฝ้าดูดาวอย่างใส่ใจ พวกเขาจดบันทึกตำแหน่งและการเคลื่อนไหวของดวงดาวตลอดเวลา และนั่นเองที่ทำให้เกิดองค์ความรู้ทางดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์การคำนวณขึ้นในที่สุด ความพยายามที่จะเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างฟ้ากับดินจึงกลายเป็นแรงบันดาลใจให้มนุษย์ค้นพบกฎเกณฑ์ที่ลึกซึ้งของจักรวาล
เราจะเห็นได้ว่าหลาย ๆ การค้นพบสำคัญในวิทยาศาสตร์เกิดขึ้นภายใต้แรงบันดาลใจที่มีรากจากโหราศาสตร์ ตัวอย่างเช่น โยฮันเนส เคปเลอร์ ผู้ค้นพบกฎการโคจรของดาวเคราะห์ ก็เริ่มต้นจากการทำงานเป็นนักโหราศาสตร์ราชสำนัก เขาศึกษาการเคลื่อนไหวของดาวเพื่อหาความสัมพันธ์กับชีวิตมนุษย์ แต่เมื่อเขาขุดลึกลงไปในข้อมูล เขาก็พบความจริงที่เป็นกฎฟิสิกส์ที่ยังคงใช้อธิบายจักรวาลได้จนถึงปัจจุบัน หรืออย่างไอแซก นิวตัน ผู้วางรากฐานกลศาสตร์สมัยใหม่ ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเขามีความสนใจในศาสตร์เร้นลับและโหราศาสตร์ที่ช่วยให้เขากล้าคิดนอกกรอบของยุคสมัย
โหราศาสตร์กับวิทยาศาสตร์จึงไม่ได้เป็นศัตรูกัน หากแต่เป็นสองเส้นทางที่แยกออกมาจากรากเดียวกัน เส้นทางหนึ่งมุ่งไปสู่การวัดผลที่แม่นยำ การทดลองที่พิสูจน์ได้ อีกเส้นหนึ่งมุ่งไปสู่การตีความเชิงความหมาย การเชื่อมโยงระหว่างอาร์คีไทป์และชีวิตมนุษย์ แต่ทั้งสองต่างก็ตั้งคำถามเดียวกันคือ “จักรวาลทำงานอย่างไร” และ “ชีวิตของมนุษย์สัมพันธ์กับจักรวาลอย่างไร”
เราจะเห็นว่าวิทยาศาสตร์กับโหราศาสตร์ต่างเติมเต็มกัน วิทยาศาสตร์บอกเราว่าดาวเคราะห์โคจรตามกฎแรงโน้มถ่วงและแรงเฉื่อย ขณะที่โหราศาสตร์บอกเราว่าการโคจรนั้นสะท้อนพลังต้นแบบใดในใจมนุษย์ วิทยาศาสตร์ช่วยให้เราเข้าใจกลไกของจักรวาล ส่วนโหราศาสตร์ช่วยให้เราเข้าใจความหมายของจักรวาล การผสานกันของทั้งสองจึงทำให้เรามองเห็นทั้งรูปและนาม ทั้งกฎและคุณค่า ทั้งกลไกและความหมาย
แม้วิทยาศาสตร์และโหราศาสตร์จะแยกจากกัน แต่แนวคิดใหม่ ๆ ในฟิสิกส์ควอนตัมและวิทยาศาสตร์ระบบซับซ้อนกลับทำให้เกิดการหันกลับมามองโลกแบบองค์รวมอีกครั้ง แนวคิดเรื่องความเชื่อมโยงของทุกสิ่ง ความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์ไม่ได้อธิบายได้เพียงด้วยเหตุผลเชิงกลไก แต่ยังมีมิติของความสัมพันธ์เชิงความหมาย สิ่งเหล่านี้สะท้อนความเข้าใจที่โหราศาสตร์เชิงอาร์คีไทป์ได้พูดไว้ตั้งแต่โบราณว่า “As Above, So Below” เบื้องบนและเบื้องล่างคือเงาสะท้อนกัน
การมองโหราศาสตร์กับวิทยาศาสตร์จึงไม่ใช่การเลือกว่าฝ่ายใดถูกหรือผิด แต่คือการยอมรับว่าเราต้องการทั้งสองเพื่อเข้าใจจักรวาลอย่างครบถ้วน เราต้องการวิทยาศาสตร์เพื่ออธิบายกฎเกณฑ์และทดสอบปรากฏการณ์ แต่เราก็ต้องการโหราศาสตร์เพื่อทำให้เห็นความหมายของชีวิตและเส้นทางการพัฒนาจิตวิญญาณ เมื่อเรายอมให้ทั้งสองทำงานร่วมกัน เราจะไม่เพียงรู้ว่าโลกหมุนอย่างไร แต่ยังรู้ด้วยว่าโลกหมุนไปเพื่ออะไร
Line : @horomagick
>> https://lin.ee/E6cTL1k
หมายเหตุ:
ข้อความและรูปภาพบนเว็บไซต์นี้ ห้ามนำไปใช้ซ้ำหรือเผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต










