มนุษย์เกิดมาไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ชีวิตของเราถูกหล่อหลอมและกำหนดโดยความสัมพันธ์ ทั้งความสัมพันธ์กับครอบครัว เพื่อน คนรัก เพื่อนร่วมงาน และแม้แต่ผู้คนที่พบเพียงชั่วคราว ทุกสายสัมพันธ์เหล่านี้ต่างมีพลังบางอย่างที่ทำให้เราเปลี่ยนแปลง คำถามที่อยู่คู่มนุษย์มาตลอดก็คือ ทำไมเราถึงถูกดึงดูดเข้าหากันอย่างลึกลับ ทำไมบางคนเข้ามาแล้วทำให้เราสว่างสดใส ขณะที่อีกบางคนกลับทำให้เรามืดมนและเหนื่อยล้า แนวคิด Quantrology เปิดพื้นที่ใหม่ในการอธิบายความจริงเหล่านี้ โดยมองว่าความสัมพันธ์คือการชนกันของฟังก์ชันคลื่น คือปฏิกิริยาเคมีของวิญญาณที่เกิดขึ้นเมื่อสนามพลังงานสองสนามสอดประสานกัน
อนุภาคเมื่อเข้าใกล้กันสามารถเกิดการแทรกสอดของคลื่น ทั้งเสริมเฟสและหักล้างเฟส หากคลื่นอยู่ในจังหวะเดียวกัน พลังงานจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล หากคลื่นไม่สอดคล้องกัน พลังงานก็จะหายไปหรือก่อให้เกิดรูปแบบที่สับสน โหราศาสตร์ก็สะท้อนกลไกเดียวกันผ่านการทำมุมของดาวเคราะห์ เมื่อดาวสองดวงทำมุมตรีโกณหรือต้องกันพอดี เรารู้สึกถึงการไหลลื่นและการเกื้อกูล เมื่อดาวสองดวงทำมุมฉากหรือเล็ง เรารู้สึกถึงความตึงเครียดหรือแรงเสียดทาน แต่สิ่งที่สำคัญคือ ไม่ว่าจะเป็นเฟสเสริมกันหรือหักล้างกัน ทั้งหมดต่างมีความหมายในการสร้างรูปแบบใหม่เสมอ
Quantrology ความสัมพันธ์จึงไม่ใช่การถามว่า “ดีหรือร้าย” แต่เป็นการถามว่า “สนามนี้กำลังสอนอะไร” คู่รักที่เข้ามาแล้วทำให้ชีวิตสดใสเหมือนคลื่นเสริมเฟส อาจช่วยให้เรากล้าเดินไปสู่ศักยภาพใหม่ ขณะที่คู่ที่สร้างความตึงเครียดก็อาจทำหน้าที่ผลักดันให้เราต้องปล่อยรูปแบบเก่าที่ไม่ทำงานแล้ว คลื่นทั้งสองแบบจึงเป็นการเรียนรู้ที่จำเป็นต่อวิวัฒนาการของวิญญาณ
เมื่อเราสร้างดวงสัมพันธ์ เรากำลังวางสนามพลังงานสองชุดทับกันเหมือนการทำปฏิกิริยาเคมีในห้องทดลอง ผลลัพธ์ขึ้นกับว่ามีธาตุใดเสริมกันและธาตุใดต้านกัน หากดวงของคนหนึ่งมีดาวอังคารเด่นและอีกคนมีดาวศุกร์เด่น ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นก็เหมือนไฟกับความงาม หลายครั้งจะดึงดูดกันอย่างแรง แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเผาผลาญกัน หากทั้งสองเรียนรู้ที่จะผสมพลังของกันและกัน พวกเขาจะสร้างงานศิลปะหรือความรักที่ลึกซึ้งได้ แต่หากไม่เข้าใจ ปฏิกิริยาก็จะกลายเป็นความขัดแย้งที่เผาใจจนแตกสลาย
ความสัมพันธ์ยังสะท้อนแนวคิดของ “การพัวพันทางควอนตัม” สองอนุภาคที่เคยเชื่อมกันจะยังคงสัมพันธ์กันแม้อยู่ห่างไกล เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่บางครั้งเราไม่อาจตัดขาดได้ง่าย ๆ แม้จะไม่ได้พบเจอกันอีกต่อไป ความผูกพันนี้มิใช่เพียงความทรงจำ แต่คือสนามพลังงานที่เคยทับซ้อนกันและยังคงสั่นสะเทือนตอบสนองต่อกันอยู่เสมอ การเข้าใจสิ่งนี้ทำให้เรารู้ว่าการรักษาความสัมพันธ์ไม่ได้หมายถึงการครอบครอง แต่หมายถึงการจัดการพลังงานที่ยังพัวพันอยู่ในสนามชีวิตของเรา
Quantrology ทำให้เราเห็นว่า ความสัมพันธ์คือห้องเรียนที่สำคัญที่สุดของวิญญาณ เพราะไม่มีสิ่งใดสะท้อนตัวตนเราได้ชัดเจนเท่ากับคนที่อยู่ตรงหน้า ทุกความสัมพันธ์คือการทดลองที่จักรวาลจัดให้เพื่อให้เราได้เห็นว่า เราตอบสนองต่อคลื่นแบบไหน เรายังติดอยู่กับรูปแบบใด และเราเปิดกว้างต่อการสอดคล้องใหม่เพียงใด การเข้าใจแบบนี้ทำให้เราไม่หลงอยู่ในกับดักของการหาว่าคนไหนคือ “คู่แท้” แต่หันมาเรียนรู้ว่า “คู่ครั้งนี้คือครูสอนอะไรให้เรา”
ความสัมพันธ์ในมุม Quantrology บอกเราว่า ไม่มีการพบเจอใดที่ไร้ค่า ทุกการแทรกสอดของคลื่นมีความหมายต่อการวิวัฒน์ของชีวิต บางคนเข้ามาเพื่อให้เรารู้จักพลังแห่งการเสริมเฟส บางคนเข้ามาเพื่อให้เรารู้จักพลังแห่งการหักล้างเฟส และทั้งหมดนี้คือปฏิกิริยาเคมีของวิญญาณที่ทำให้เรากลายเป็นตัวตนที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เมื่อเรามองความสัมพันธ์เช่นนี้ เราจะไม่ถามว่า “เขาใช่หรือไม่ใช่” แต่จะถามว่า “ฉันกำลังเรียนรู้อะไรจากการอยู่กับเขา” และนั่นคือการก้าวข้ามจากการทำนายไปสู่การตื่นรู้ในสนามพลังงานของจักรวาล
Line : @horomagick
>> https://lin.ee/E6cTL1k
หมายเหตุ:
ข้อความและรูปภาพบนเว็บไซต์นี้ ห้ามนำไปใช้ซ้ำหรือเผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต










