สมการชโรดิงเงอร์ในฟิสิกส์ควอนตัมถือเป็นหัวใจของการอธิบายความจริงระดับอนุภาค เพราะมันไม่ได้บอกคำตอบที่ตายตัว แต่บอกการกระจายของความน่าจะเป็นในอนาคต เมื่อเวลาผ่านไป ฟังก์ชันคลื่นที่อยู่ในสมการจะเปลี่ยนรูปและบอกเราว่า ณ ช่วงเวลาหนึ่งอนุภาคมีโอกาสจะปรากฏที่ใดบ้าง การคำนวณนี้ไม่ได้ทำให้เรารู้ผลลัพธ์อย่างแน่นอน แต่ให้ภาพกว้างที่แม่นยำถึงขั้นที่เราสามารถออกแบบเทคโนโลยีระดับนาโนได้ สิ่งที่น่าประหลาดคือโหราศาสตร์ก็ทำหน้าที่ในลักษณะเดียวกัน เพียงใช้วงล้อจักรราศีแทนสมการทางคณิตศาสตร์
เมื่อโหราจารย์เขียนดวงกำเนิดของใครสักคน พวกเขากำลังคำนวณตำแหน่งของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ทั้งหมดในช่วงเวลานั้น การคำนวณนี้คล้ายกับการหาค่าฟังก์ชันคลื่นของชีวิต เพราะมันบอกขอบเขตความเป็นไปได้ในเส้นทางบุคคล ไม่ใช่คำตอบแน่นอน แต่เป็นแผนที่ความน่าจะเป็นที่ละเอียดอ่อน ตัวอย่างเช่น ผู้ที่มีดาวพุธทำมุมเด่นกับลัคนามีโอกาสสูงที่จะสื่อสารเก่ง เป็นนักคิด หรือทำงานเกี่ยวกับภาษา แต่ผลลัพธ์จริงจะออกมาเป็นรูปแบบใดขึ้นอยู่กับเสรีเจตนาของเจ้าชะตา เหมือนการที่ฟังก์ชันคลื่นบอกว่ามีความน่าจะเป็นสูงที่จะพบอนุภาคในพื้นที่หนึ่ง แต่ไม่อาจชี้ชัดจนกว่าจะมีการวัด
วงล้อจักรราศีจึงไม่ใช่แค่สัญลักษณ์โบราณ แต่คือเครื่องมือคำนวณที่บรรยายความสัมพันธ์ระหว่างเวลา พลังงาน และการแสดงออกของชีวิต แต่ละราศีคือพารามิเตอร์ แต่ละดาวคือค่าตัวแปร และแต่ละมุมสัมพันธ์คือการบวกหรือลบเฟสคลื่น ผลรวมทั้งหมดคือรูปแบบพลังงานเฉพาะที่กำหนดสนามของชีวิตแต่ละคน การอ่านดวงจึงเสมือนการแก้สมการเชิงสัญลักษณ์ที่มีเงื่อนไขมากมาย เพื่อหาความหมายของฟังก์ชันคลื่นแห่งวิญญาณ
การทำนายจึงไม่ได้เป็นการชี้อนาคตอย่างเด็ดขาด แต่เป็นการคำนวณการเปลี่ยนรูปของฟังก์ชันคลื่นเมื่อดาวเคราะห์เคลื่อนที่ ดาวเสาร์โคจรมาทำมุมกับอาทิตย์กำเนิดก็เหมือนการใส่ค่าตัวแปรใหม่ในสมการ ทำให้รูปคลื่นเปลี่ยนไปและสร้างโอกาสใหม่หรือข้อจำกัดใหม่ การโคจรของดาวพฤหัสก็เหมือนการเพิ่มพลังงานให้ฟังก์ชันคลื่นขยายตัว เกิดความเป็นไปได้ใหม่มากขึ้น การถอยหลังของดาวพุธก็เหมือนการใส่เฟสกลับด้าน ทำให้รูปแบบการสื่อสารและการตัดสินใจเปลี่ยนไปชั่วคราว
ทั้งสมการชโรดิงเงอร์และวงล้อจักรราศีต่างต้องการ “ผู้สังเกต” เพื่อให้ความหมาย การคำนวณเชิงควอนตัมต้องอาศัยนักฟิสิกส์ที่ตีความผลลัพธ์ ขณะที่การอ่านดวงต้องอาศัยนักโหราศาสตร์ที่ถอดความหมายจากสัญลักษณ์ ทั้งสองไม่สามารถให้คำตอบได้เองหากไร้การตีความ และการตีความนั้นขึ้นกับประสบการณ์ ความเข้าใจ และเจตจำนงของผู้สังเกตเสมอ
สิ่งนี้บอกเราว่าชีวิตไม่ใช่สมการที่ใครก็แก้ได้ หากแต่เป็นสมการที่แต่ละคนต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง ดวงชะตาคือสมการตั้งต้น แต่คำตอบสุดท้ายขึ้นกับการเลือกและการกระทำที่ทำให้ฟังก์ชันคลื่นชีวิตยุบตัวในทิศทางที่สอดคล้องกับวิญญาณ การทำนายจึงมิใช่การขีดเส้นล่วงหน้า แต่เป็นการเตือนว่าตอนนี้คลื่นกำลังจะเปลี่ยนรูป และเรามีโอกาสใช้การเปลี่ยนแปลงนั้นอย่างไร
เมื่อเรามองจากมุมควอนตัมและโหราศาสตร์พร้อมกัน เราจะเห็นว่า การคำนวณและการทำนายคือการฝึกอยู่กับความไม่แน่นอน เราไม่ได้คาดหวังคำตอบตายตัว แต่เรียนรู้ที่จะอ่านสนามความเป็นไปได้และเลือกใช้มันอย่างมีปัญญา ทั้งสมการชโรดิงเงอร์และวงล้อจักรราศีจึงเป็นเครื่องมือแห่งการตื่นรู้ ที่บอกเราว่าชีวิตไม่ใช่เส้นตรง แต่เป็นคลื่นที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และมนุษย์คือผู้ร่วมเขียนสมการแห่งตนเองขึ้นในทุกขณะ
“บันทึกฟ้าแผนภูมิดวงชะตาส่วนบุคคล
The Akashic Personal Horoscope Chart”
Line : @horomagick
>> https://lin.ee/E6cTL1k
หมายเหตุ:
ข้อความและรูปภาพบนเว็บไซต์นี้ ห้ามนำไปใช้ซ้ำหรือเผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต
