หนึ่งในคุณสมบัติที่น่าพิศวงที่สุดของอนุภาคย่อยในโลกควอนตัมคือ “สปิน” ซึ่งไม่ได้เป็นการหมุนทางกายภาพเหมือนลูกข่าง แต่เป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่นิยามตัวตนของอนุภาคนั้น ๆ อิเล็กตรอนทุกตัวมีสปิน +½ หรือ –½ และการจัดเรียงของสปินเหล่านี้เป็นตัวกำหนดพฤติกรรมทางแม่เหล็ก คุณสมบัติการดูดกลืนพลังงาน ตลอดจนโครงสร้างของสสารทั้งปวง หากไม่มีสปิน โลกที่เรารู้จักคงไม่อาจก่อร่างขึ้นได้ และน่าสนใจอย่างยิ่งที่ในเชิงโหราศาสตร์ การหมุนและการโคจรของดาวเคราะห์ก็ทำหน้าที่เป็นสปินมหภาค ที่สร้างและหล่อหลอมชีวิตเช่นกัน
เมื่อดาวเคราะห์หมุนรอบตัวเอง มันสร้างสนามแม่เหล็กขึ้นโดยธรรมชาติ โลกเองก็มีสนามแม่เหล็กที่เกิดจากการหมุนรอบแกนและการไหลวนของโลหะเหลวภายใน ทำให้ชั้นบรรยากาศได้รับการปกป้องจากลมสุริยะ หากสนามแม่เหล็กนี้หายไป ชีวิตบนโลกก็แทบไม่อาจดำรงอยู่ได้ ในลักษณะเดียวกัน สปินของอิเล็กตรอนก็ปกป้องและรักษาสมดุลในระดับจุลภาค ความเชื่อมโยงนี้สะท้อนว่า แกนหมุนคือหัวใจของการดำรงอยู่ ไม่ว่าจะในระดับเล็กที่สุดหรือใหญ่ที่สุด
โหราศาสตร์มองว่าการหมุนของดาวเคราะห์ไม่ใช่เพียงกลศาสตร์ แต่เป็นการกำหนดจังหวะชีวิตมนุษย์ด้วย การที่โลกหมุนรอบตัวเองภายใน 24 ชั่วโมงทำให้เกิดวัฏจักรกลางวันและกลางคืน การหมุนรอบดวงอาทิตย์ภายใน 365 วันสร้างฤดูกาลและวัฏจักรเวลา ส่วนการหมุนและการโคจรของดาวเคราะห์อื่น ๆ ก็สร้างจังหวะชีวิตในระดับกว้าง เช่น ดาวเสาร์ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ใช้เวลาราว 29 ปีครึ่ง กลายเป็นรอบใหญ่แห่งการทบทวนและเปลี่ยนผ่านของวิญญาณ การสอดประสานของจังหวะเหล่านี้ทำให้ชีวิตมนุษย์ไม่ใช่การเคลื่อนที่แบบเส้นตรง แต่เป็นการเต้นรำที่หมุนวนไปพร้อมกับจักรวาล
การเปรียบเทียบที่น่าสนใจอีกประการคือการที่สปินของอนุภาคสามารถอยู่ในสภาวะพัวพันได้ สปินของอนุภาคคู่หนึ่งอาจสัมพันธ์กันแม้จะอยู่ห่างไกล การหมุนของฝ่ายหนึ่งสะท้อนมายังอีกฝ่ายในทันทีโดยไม่ต้องส่งสัญญาณผ่านอวกาศ หลักการนี้สะท้อนเข้ากับโหราศาสตร์ที่เชื่อว่าการหมุนและการจัดเรียงของดาวเคราะห์สะท้อนมายังการหมุนภายในของชีวิตเรา ไม่ใช่ในลักษณะเหตุผลกลไก แต่ในลักษณะของการสอดประสานตามกาลเวลา เมื่อดาวทำมุมตึงเครียด เรารู้สึกถึงแรงกดดัน เมื่อดาวทำมุมเกื้อกูล เรารู้สึกถึงการผ่อนคลาย ราวกับแกนหมุนภายนอกกับแกนหมุนภายในสื่อสารกันอย่างลึกซึ้ง
หากมองชีวิตมนุษย์เอง เราจะเห็นว่าการหมุนเป็นหัวใจของการมีอยู่เช่นกัน หัวใจเต้นคือการหมุนเวียน เลือดหมุนไปตามร่างกาย ความคิดวนไปในสมอง การหายใจเข้าออกคือการหมุนของอากาศ และแม้แต่สภาวะจิตวิญญาณก็ถูกอธิบายผ่านการหมุนของจักระที่แผ่พลังงานเป็นเกลียว สปินของอิเล็กตรอน สปินของดาวเคราะห์ และสปินของจักระจึงอาจเป็นสามชั้นของความจริงเดียวกันที่เชื่อมโยงเรากับจักรวาลทั้งมวล
ในแง่ของพลังงานสร้างสรรค์ การหมุนยังทำให้เกิดความต่อเนื่องและเสถียรภาพ หากโลกหยุดหมุนทันที ระบบนิเวศทั้งหมดจะล่มสลาย หากอิเล็กตรอนหยุดหมุน สสารจะสูญสลาย หากจักระหยุดหมุน ร่างกายและจิตใจก็เสื่อมโทรมลงเช่นกัน การรักษาการหมุนที่สมดุลจึงคือการรักษาชีวิต และนี่เองที่อธิบายว่าทำไมการทำสมาธิหรือการเคลื่อนไหวร่างกายที่สอดประสานกันสามารถฟื้นฟูพลังงานได้ เพราะมันทำให้การหมุนภายในกลับมาสอดคล้องกับการหมุนของจักรวาล
เมื่อเรานำหลักการนี้กลับมาใช้ในการอ่านดวง เราจะเห็นว่าดาวแต่ละดวงคือแกนหมุนแห่งพลังงานที่ส่งเสียงสะท้อนในชีวิต เช่น ดวงจันทร์ที่หมุนรอบโลกภายใน 28 วันเชื่อมกับวัฏจักรอารมณ์และร่างกาย ดาวพุธที่โคจรรวดเร็วสะท้อนถึงความคิดที่ว่องไว ดาวพฤหัสที่หมุนช้าแต่มั่นคงสะท้อนถึงการเติบโตระยะยาว การอ่านดวงจึงเป็นการอ่านการหมุนหลายชั้นที่กำลังประสานเป็นจังหวะดนตรีแห่งชีวิตเรา
สปินและการหมุนของดาวเคราะห์บอกเราว่า การดำรงอยู่ไม่ได้ขึ้นกับเส้นทางตรง หากขึ้นกับจังหวะหมุนวน การยอมรับการหมุนคือการยอมรับว่าชีวิตมีขึ้นมีลง มีการเวียนกลับ และมีการเกิดใหม่เสมอ มนุษย์คือผู้ร่วมเต้นรำในจังหวะนี้ ไม่ใช่ผู้ควบคุมหรือผู้ถูกควบคุม แต่คือส่วนหนึ่งของความต่อเนื่องยิ่งใหญ่ที่เรียกว่าจักรวาล
Line : @horomagick
>> https://lin.ee/E6cTL1k
หมายเหตุ:
ข้อความและรูปภาพบนเว็บไซต์นี้ ห้ามนำไปใช้ซ้ำหรือเผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต










