หากวิทยาศาสตร์การแพทย์แบบเดิม มุ่งสำรวจร่างกายในฐานะเครื่องจักรชีวภาพ ที่ประกอบด้วยอวัยวะ เซลล์ และโมเลกุล แพทย์พลังงานกลับมองร่างกายเป็นสนามพลังงานที่ซ้อนทับกันหลายชั้น ทั้งกายภาพ อารมณ์ ความคิด และวิญญาณ แต่ทั้งสองแนวทางต่างเคยถูกมองว่าอยู่กันคนละโลก การแพทย์สมัยใหม่ยึดมั่นกับสิ่งที่วัดได้ ขณะที่ศาสตร์พลังงานยึดมั่นกับสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยประสบการณ์ แต่เมื่อแนวคิด Quantrology เข้ามา มันสร้างสะพานที่ทำให้ทั้งสองสามารถพูดคุยกันได้ในภาษาเดียวกัน
หัวใจของ Quantrology คือการมองร่างกายมนุษย์เสมือน “ดวงชะตาที่มีชีวิต” ทุกเซลล์มีจังหวะการสั่นที่สอดคล้องกับสนามควอนตัมภายใน ดวงดาวและตำแหน่งในท้องฟ้าคือโค้ดเริ่มต้นที่บอกทิศทางของจังหวะเหล่านี้ เช่นเดียวกับที่ยีนกำหนดโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพของเรา เมื่อดาวเคราะห์เคลื่อนผ่านและทำมุมกับจุดกำเนิด ร่างกายก็เหมือนถูกกระตุ้น ให้ฟังก์ชันคลื่นของพลังงานบางชุดเปลี่ยนเฟส ส่งผลต่อสภาวะร่างกายและจิตใจ
ในเชิงการแพทย์พลังงาน จักระทั้งเจ็ดสามารถมองได้ว่าเป็นศูนย์กลางข้อมูล ที่สอดคล้องกับราศีและดาวเคราะห์ เช่น จักระฐานสัมพันธ์กับดาวเสาร์และราศีมังกร จักระหัวใจสัมพันธ์กับศุกร์และราศีตุลย์ จักระกระหม่อมสัมพันธ์กับเนปจูนและราศีมีน เมื่อเราเกิด การจัดเรียงของดาวบนท้องฟ้าเสมือนการกำหนดค่าตั้งต้นให้กับแต่ละจักระ ว่ามีแนวโน้มจะทำงานอย่างไร และเมื่อเวลาผ่านไป การเคลื่อนที่ของดาวก็เสมือนการปรับคลื่นความถี่ที่มากระทบจักระเหล่านี้ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านสุขภาพและสภาวะจิตใจ
สิ่งนี้ทำให้ Quantrology สามารถใช้เป็นกรอบใหม่ของการแพทย์พลังงานได้ ตัวอย่างเช่น หากดาวเสาร์จรมาทำมุมกดดันกับจันทร์กำเนิด เราอาจสังเกตว่าผู้ป่วยมีอาการตึงเครียดที่กระเพาะหรือระบบย่อยอาหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ของจักระสะดือ การบำบัดในช่วงนี้จึงไม่ใช่เพียงการรักษาอวัยวะ แต่คือการช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้การจัดการความรับผิดชอบที่ถาโถม และคืนสมดุลให้จักระด้วยการหายใจลึก การทำสมาธิ หรือการบำบัดด้วยคลื่นเสียง ข้อมูลทางโหราศาสตร์จึงไม่ใช่คำทำนาย แต่เป็นเครื่องมือชี้ว่าช่วงไหนจักระใดอาจต้องการการดูแลมากเป็นพิเศษ
ในทางกลับกัน การทำงานกับจักระก็สามารถสะท้อนกลับไปสู่สนามโหราศาสตร์ เมื่อผู้ป่วยฝึกสมาธิและทำให้จักระหัวใจเปิดกว้าง พลังงานของดาวศุกร์ในดวงชะตาก็สามารถทำงานได้เต็มศักยภาพมากขึ้น ส่งผลให้ความสัมพันธ์เปลี่ยนจากการพึ่งพาไปสู่การเกื้อกูล สิ่งนี้ไม่ใช่การแก้ดวง แต่เป็นการปรับสนามควอนตัมภายในให้สอดคล้องกับสนามภายนอกที่ดวงดาวสะท้อน
เมื่อเรามีการเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่องในสมุดแลปชีวิต เราสามารถสร้างฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงตำแหน่งดาวกับอาการร่างกายและสภาวะจิตได้จริง นี่คือจุดที่ Quantrology ก้าวจากศาสตร์เชิงสัญลักษณ์ไปสู่ศาสตร์ที่ตรวจสอบได้ เพราะเราจะเห็นรูปแบบสถิติที่บ่งบอกความสัมพันธ์ เช่น ทุกครั้งที่ดาวพฤหัสเล็งกับดวงอาทิตย์ ผู้ป่วยรายงานว่ามีการขยายตัวของพลังงานกายและใจจนรู้สึกเบิกบาน หรือทุกครั้งที่ดาวพลูโตทำมุมกับลัคนา จะมีรายงานการเปลี่ยนแปลงทางสุขภาพครั้งใหญ่ เช่น การผ่าตัดหรือการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
การมองร่างกายผ่าน Quantrology คือการยอมรับว่าเราคือจักรวาลขนาดเล็กที่สะท้อนจักรวาลใหญ่ แต่ละจักระคือดาวเคราะห์ แต่ละอวัยวะคือราศี และแต่ละการเต้นของหัวใจคือการหมุนรอบแกนของโลก ทุกอย่างเชื่อมโยงกันโดยกฎแห่งคลื่นและความน่าจะเป็น เมื่อเราเรียนรู้ที่จะอ่านรหัสเหล่านี้ เราก็สามารถดูแลตนเองได้ในเชิงลึกยิ่งกว่าการรักษาตามอาการ
Quantrology กับการแพทย์พลังงานคือการเชื่อมวิทยาศาสตร์กับวิญญาณให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวกัน เราไม่จำเป็นต้องเลือกว่าจะเชื่อโหราศาสตร์หรือเชื่อการแพทย์สมัยใหม่ เพราะแท้จริงแล้วทั้งสองกำลังอธิบายสิ่งเดียวกันผ่านภาษาแตกต่างกัน ภาษาใหม่นี้ไม่เพียงทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังทำให้มนุษย์กลับมามีความศรัทธาในความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายและจักรวาลอีกครั้ง
Line : @horomagick
>> https://lin.ee/E6cTL1k
หมายเหตุ:
ข้อความและรูปภาพบนเว็บไซต์นี้ ห้ามนำไปใช้ซ้ำหรือเผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต










