เมื่ออ่านดวงชะตากำเนิดในเชิงกรรม สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือราศีทั้งสิบสอง ที่วางเรียงรายกันอยู่รอบวงกลมจักรราศี ราศีไม่ใช่เพียงสัญลักษณ์ของนิสัยหรือพลังงานทั่วไป แต่คือ ต้นแบบกรรม ที่วิญญาณเลือกมาใช้เป็นเวทีเรียนรู้ บางวิญญาณเลือกเส้นทางที่ต้องเรียนรู้ผ่านพลังของไฟ บางวิญญาณเรียนรู้ผ่านความมั่นคงของดิน บางวิญญาณผ่านการเคลื่อนไหวของลม และบางวิญญาณผ่านความลึกซึ้งของน้ำ แต่ละธาตุ แต่ละราศีจึงเป็นเหมือนบทเรียนใหญ่ที่วิญญาณต้องเผชิญ
ธาตุทั้งสี่ทำงานเป็นรากฐาน ธาตุไฟคือการริเริ่มและแรงผลักดัน ธาตุดินคือความมั่นคงและรูปธรรม ธาตุลมคือความคิดและการสื่อสาร ธาตุน้ำคืออารมณ์และความผูกพัน การที่ใครบางคนเกิดในราศีไฟบ่งบอกว่าเขาอาจต้องเรียนรู้ผ่านการกระทำและความกล้าหาญ ขณะที่ราศีน้ำบอกว่าเขาจะได้เรียนรู้ผ่านความรู้สึกและการเชื่อมโยงกับผู้อื่น แต่ละธาตุจึงไม่ใช่เพียงคุณสมบัติ แต่คือบทเรียนกรรมที่วิญญาณต้องใช้
ราศีเมษคือจุดเริ่มต้นแห่งจักรราศี และมักถูกมองว่าเป็นพลังของการเกิดใหม่ วิญญาณที่มีเมษเด่นในดวงมักมีภารกิจในการเรียนรู้ความกล้า การริเริ่ม และการประกาศตัวตน แต่ในเชิงกรรม เมษยังสะท้อนความท้าทายเรื่องความหุนหันพลันแล่น การเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนไฟแห่งความโกรธให้กลายเป็นไฟแห่งการสร้างสรรค์จึงเป็นบทเรียนหลักของเมษ
ราศีพฤษภคือพลังแห่งความมั่นคงและคุณค่าภายใน วิญญาณที่มาทางนี้มักต้องเรียนรู้เรื่องการสร้างรากฐานที่มั่นคง ทั้งในด้านวัตถุและความรู้สึก แต่ในเชิงกรรม พฤษภมักเผชิญกับความยึดติด การเรียนรู้ที่จะปล่อยวางและเห็นคุณค่าที่แท้จริงเหนือวัตถุเป็นสิ่งสำคัญ
ราศีมิถุนคือบทเรียนแห่งการสื่อสาร วิญญาณที่มีมิถุนเด่นต้องเรียนรู้การใช้คำพูดและความคิดอย่างสร้างสรรค์ แต่ก็มักเผชิญกับความฟุ้งซ่านและการกระจายพลัง การฝึกสมาธิและการมุ่งมั่นจึงเป็นวิธีปลดล็อกกรรมของมิถุน
ราศีกรกฎคือพลังของครอบครัวและรากเหง้า วิญญาณที่มาในเส้นทางนี้ต้องเรียนรู้การดูแล การโอบอุ้ม และการปลดปล่อยบาดแผลจากครอบครัวเก่า ๆ กรรมในกรกฎมักเกี่ยวพันกับความสัมพันธ์แม่–ลูก และการหาความมั่นคงทางใจ
ราศีสิงห์คือบทเรียนของการแสดงตัวตนและการสร้างสรรค์ วิญญาณสิงห์ต้องเรียนรู้การเปล่งแสงออกมาโดยไม่กลัวการถูกปฏิเสธ แต่ก็ต้องเรียนรู้ที่จะไม่ยึดติดกับการยกย่อง การเปลี่ยนความภาคภูมิใจให้เป็นการแบ่งปันคือหัวใจของการปลดกรรม
ราศีกันย์คือพลังของการรับใช้และการเยียวยา วิญญาณกันย์มักต้องเรียนรู้การใช้ปัญญา และความละเอียดเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น แต่ก็มักติดอยู่กับความสมบูรณ์แบบเกินไป การเรียนรู้ที่จะยอมรับความไม่สมบูรณ์คือการปลดปล่อยกรรมในกันย์
ราศีตุลย์คือบทเรียนของความสัมพันธ์และความสมดุล วิญญาณตุลย์เรียนรู้ผ่านการอยู่ร่วมกับผู้อื่น แต่ก็มักเผชิญกับปัญหาการพึ่งพา การเรียนรู้ที่จะยืนหยัดด้วยตนเองขณะอยู่ในความสัมพันธ์คือบทเรียนสำคัญ
ราศีพิจิกคือราศีแห่งการเปลี่ยนแปลงลึกและการตาย–เกิดใหม่ วิญญาณพิจิกมักผ่านเหตุการณ์เข้มข้นเพื่อเรียนรู้การยอมสละ การปลดปล่อยสิ่งที่ตายแล้ว เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ กรรมพิจิกมักหนัก แต่ก็ทรงพลังที่สุดในการเปลี่ยนวิญญาณ
ราศีธนูคือพลังแห่งการแสวงหาความหมาย วิญญาณธนูเรียนรู้ผ่านการเดินทาง การศึกษา และการขยายขอบเขต แต่ก็มักต้องเผชิญกับการหลงทางในอุดมการณ์ การหาสมดุลระหว่างเสรีภาพกับความรับผิดชอบคือกุญแจกรรม
ราศีมกรคือพลังแห่งความรับผิดชอบและการสร้างโครงสร้าง วิญญาณมกรต้องเรียนรู้การทำงานหนักและการยืนหยัด แต่ก็มักเจอกับกรรมที่ทำให้รู้สึกแบกรับภาระเกินไป การเรียนรู้ที่จะสร้างโดยไม่ทาสลัดตัวเองคือบทเรียนใหญ่
ราศีกุมภ์คือพลังของการปฏิวัติและการก้าวข้ามข้อจำกัด วิญญาณกุมภ์เรียนรู้ผ่านการแตกต่างและการสร้างสังคมใหม่ แต่ก็มักเผชิญกับกรรมแห่งการแปลกแยก การหาสมดุลระหว่างการเป็นตัวของตัวเองและการอยู่ร่วมกับสังคมคือบทเรียน
ราศีมีนคือราศีสุดท้ายที่รวมพลังของจักรราศีทั้งหมด วิญญาณมีนมักมีภารกิจในการละลายขอบเขตและเรียนรู้การเสียสละ แต่ก็มักเจอกับกรรมแห่งความสับสนและการหลงไหล การสร้างศรัทธาที่มั่นคงและการยืนอยู่บนความจริงคือการปลดกรรมของมีน
เมื่อมองรวมกัน ราศีทั้งสิบสองและธาตุทั้งสี่คือเวทีการเรียนรู้ของวิญญาณ ทุกคนมีราศีทั้งหมดในดวง เพียงแต่บางจุดถูกเน้นมากกว่าจุดอื่น ๆ การรู้ว่าราศีใดและธาตุใดทำงานในดวงของเรา คือการรู้ว่าบทเรียนกรรมของเราถูกเขียนไว้อย่างไร
Line : @horomagick
>> https://lin.ee/E6cTL1k
หมายเหตุ:
ข้อความและรูปภาพบนเว็บไซต์นี้ ห้ามนำไปใช้ซ้ำหรือเผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต