ในบรรดาปรากฏการณ์ทางโหราศาสตร์ที่นักพยากรณ์ใช้กันมายาวนาน หนึ่งในแนวคิดที่ลึกซึ้งที่สุดและยังคงสร้างคำถามอยู่เสมอคือ “จันทร์ไร้มุม” หรือ Void of Course Moon ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อดวงจันทร์ซึ่งเคลื่อนที่เร็วที่สุดในบรรดาดาวเคราะห์บนท้องฟ้า ไม่ได้สร้างมุมสัมพันธ์หลักใด ๆ กับดาวเคราะห์อื่นก่อนที่จะย้ายเข้าสู่ราศีถัดไป กล่าวคือ จันทร์เดินอยู่ในท้องฟ้าโดยไม่เชื่อมโยงกับใคร เป็นการเดินทางเดียวดายท่ามกลางความว่างเปล่า
ดวงจันทร์ในโหราศาสตร์แทนสัญลักษณ์ของจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก ความทรงจำ และความผูกพันที่ลึกที่สุดในชีวิต ดังนั้นเมื่อจันทร์ไร้มุม เหมือนโลกภายในของเราถูกปลดออกจากการเชื่อมโยงกับพลังงานอื่น ๆ เป็นช่วงเวลาที่ความรู้สึกดูว่างเปล่า สับสน หรือไม่แน่นอน หลายตำราจึงอธิบายว่าช่วงเวลาที่จันทร์ไร้มุมไม่เหมาะแก่การเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเจรจา ลงนาม หรือแม้แต่การตัดสินใจสำคัญ เพราะสิ่งที่เริ่มในช่วงนี้มักไม่ก้าวหน้า หรือดำเนินไปอย่างเลื่อนลอย
แต่หากพิจารณาในเชิงจิตวิญญาณ จันทร์ไร้มุมมิได้เป็นเพียงช่วงที่ไม่ควรทำอะไรเท่านั้น หากยังเป็นช่วงที่สติและจิตวิญญาณถูกเปิดโอกาสให้หันกลับมาทบทวนตัวเอง เมื่อจันทร์ไม่สร้างมุมกับใคร มันก็ไม่ต้องสะท้อนหรือรับแรงกดดันจากพลังดาวเคราะห์อื่น ๆ จึงกลายเป็นช่วงเวลาแห่ง “สุญญตา” ที่เปิดให้เราได้สัมผัสความว่าง ความเงียบ และเสียงจากภายใน เป็นเหมือนการหยุดพักที่จักรวาลสร้างขึ้นเพื่อให้มนุษย์ได้หายใจ
เราอาจมองได้ว่า จันทร์ไร้มุมคือผลลัพธ์จากความสัมพันธ์เชิงคณิตศาสตร์ ของการเคลื่อนที่ เมื่อไม่มีดาวดวงใดทำมุมกับจันทร์ ก็เท่ากับว่า ความถี่และแรงดึงดูดจากดาวเคราะห์อื่น ไม่เข้ามาเหนี่ยวนำโดยตรงต่ออารมณ์และจิตใจของมนุษย์ จิตใจจึงอาจรู้สึกไร้ทิศทาง คล้ายกับเรือลอยกลางทะเลที่ไม่มีลมพัด แต่ในเวลาเดียวกัน ความไร้ทิศทางนี้เองกลับทำให้เรามีโอกาสหยุดและฟังเสียงหัวใจที่แท้จริง
ช่วงจันทร์ไร้มุมคือเวลาที่พลังกรรมกำลังถูกคลี่คลายอย่างเงียบ ๆ เพราะเมื่อจิตไม่ถูกกระตุ้นจากพลังภายนอก ก็มีโอกาสดึงเอาความทรงจำ หรือพลังงานที่ค้างคาออกมาให้ปรากฏ ผู้คนจึงมักมีประสบการณ์แปลก ๆ เช่น ฝันประหลาด ความคิดวนเวียนถึงอดีต หรือความรู้สึกว่าได้กลับไปเผชิญบางสิ่งที่ยังไม่เสร็จสิ้น สิ่งเหล่านี้คือสัญญาณว่ากรรมเก่า ๆ กำลังถูกสะท้อนกลับมาเพื่อให้เรารับรู้และปล่อยวาง
จันทร์ไร้มุมจึงไม่ใช่เวลาที่ไร้ค่า แต่เป็นเวลาที่เราควรใช้เพื่อการทบทวน และในหลายวัฒนธรรมยังมองว่าช่วงนี้เหมาะแก่การทำสมาธิ สวดมนต์ หรือบำเพ็ญเพียร เพราะเป็นเวลาที่คลื่นพลังงานไม่ถูกรบกวนมากนัก ทำให้จิตสามารถเข้าถึงความเงียบและความว่างได้ง่ายกว่าปกติ หากผู้ใดใช้ช่วงนี้อย่างรู้เท่าทัน ก็อาจเกิดการตื่นรู้เล็ก ๆ ที่สะสมพลังไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ในภายหลัง
จันทร์ไร้มุมกับกรรม การปลดปล่อย และชีวิตจริง
เมื่อเรามองจันทร์ไร้มุมในเชิงกรรม จะเห็นว่ามันคือช่วงเวลาที่วิญญาณถูกบังคับให้หยุดพักจากการวิ่งไล่ตามโลกภายนอก เหมือนบทเรียนที่บอกเราว่า “ไม่ใช่ทุกสิ่งต้องก้าวไปข้างหน้าเสมอ” แต่บางครั้งการหยุดนิ่ง การรอคอย และการปล่อยให้เรื่องราวคลี่คลายด้วยตัวเองคือส่วนหนึ่งของกรรมที่ต้องเรียนรู้ ผู้ที่เกิดหรือมีจังหวะชีวิตซ้อนทับกับช่วงจันทร์ไร้มุมมักต้องเผชิญบทเรียนเกี่ยวกับการปล่อยวาง การไม่ควบคุม และการเชื่อมั่นในจังหวะที่สูงกว่าตนเอง
จันทร์ไร้มุมยังสะท้อนถึงความรู้สึก “สูญญากาศ” ของจิตใจ บางครั้งเราจะพบว่ามีความคิดลอย ๆ เข้ามาโดยไม่มีเหตุผล หรือรู้สึกว่าการกระทำต่าง ๆ ไม่มีผลจริง สิ่งนี้ในเชิงกรรมคือโอกาสให้เราตระหนักว่า หลายสิ่งที่เรายึดถือว่าแน่นอนนั้นแท้จริงแล้วว่างเปล่าและไม่จีรัง จิตที่ได้เรียนรู้ตรงนี้จะเริ่มตระหนักถึงความจริงอันลึกซึ้งของชีวิต และเกิดการเปลี่ยนมุมมองจากการยึดมั่นสู่การปล่อยวาง
หลายตำราพบว่า การเริ่มต้นโครงการในช่วงจันทร์ไร้มุมมักไม่ประสบความสำเร็จ หรือต้องถูกเลื่อน ถูกยกเลิก หรือเดินไปอย่างไร้ทิศทาง ตัวอย่างเช่น หากมีการเซ็นสัญญาในช่วงนี้ สัญญานั้นอาจไม่ถูกนำไปใช้จริง หากเริ่มความสัมพันธ์ใหม่ อาจจบลงอย่างเลื่อนลอยโดยไม่รู้สาเหตุ นี่ไม่ใช่การลงโทษจากฟ้า แต่คือสัญญาณว่าเวลานี้ไม่เหมาะสำหรับการ “ยึดติดกับผลลัพธ์” กรรมจึงสอนให้เราเข้าใจความชั่วคราวของทุกสิ่ง
อย่างไรก็ตาม จันทร์ไร้มุมก็มีด้านบวกอันทรงพลัง หากเรารู้จักใช้มันเพื่อการภายใน ช่วงเวลานี้เหมาะอย่างยิ่งต่อการทำสมาธิ การภาวนา การทำงานสร้างสรรค์ที่ไม่ต้องการผลลัพธ์ชัดเจน หรือการพักผ่อนเยียวยา จิตใจในช่วงนี้จะเปิดกว้างต่อแรงบันดาลใจที่มาจากโลกภายในหรือจากจักรวาลสูงกว่า และสิ่งที่เกิดขึ้นในสภาวะว่างเช่นนี้มักเป็นจุดเริ่มต้นของการตื่นรู้ครั้งใหญ่ แม้จะไม่ปรากฏผลทันทีแต่จะงอกเงยภายหลัง
จันทร์ไร้มุมเปรียบเหมือน “ช่วงสุญญากาศของระบบประสาท” ที่สมองหยุดเชื่อมโยงกับแรงกระตุ้นภายนอกชั่วคราว เป็นช่วงที่สมองได้รีเซ็ตและเปิดพื้นที่ให้ความคิดใหม่ ๆ หรือความรู้สึกที่กดทับมานานผุดขึ้นมา บ่อยครั้งผู้คนจึงพบว่าช่วงนี้คือเวลาที่ฝันแปลก ๆ ชัดเจนขึ้น หรือได้ตระหนักถึงสิ่งที่เคยมองข้าม เหมือนจักรวาลจัดสรรช่วงพักเบรกเพื่อให้เราฟังเสียงลึก ๆ ของตัวเอง
จันทร์ไร้มุมคือประตูที่เชื่อมเรากับความว่าง ความว่างนั้นไม่ใช่ความสูญเสีย แต่คือพื้นที่แห่งศักยภาพที่ทุกสิ่งสามารถงอกเงยใหม่ได้ หากเรากล้าหยุดและอยู่กับมัน เราจะสัมผัสได้ว่าความเงียบว่างคือพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าการเคลื่อนไหวเสียอีก ช่วงนี้จึงเหมาะสำหรับการขอการนำทางจากเบื้องบน หรือการทำงานเชิงจิตวิญญาณ เช่น พิธีกรรมการปล่อยกรรม การชำระอารมณ์ หรือการเชื่อมโยงกับมิติสูงกว่า
แทนที่จะกลัวจันทร์ไร้มุม เราควรเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างรู้ตัว หากรู้ว่ากำลังเข้าสู่ช่วงนี้ อาจใช้เวลาในการพักใจ ทำสมาธิ เขียนบันทึก หรือสะท้อนชีวิต สิ่งที่ทำในช่วงนี้อาจไม่ออกผลทางวัตถุทันที แต่จะมีผลเชิงลึกต่อจิตใจและวิญญาณ และนี่แหละคือคุณค่าที่แท้จริงของจันทร์ไร้มุม
จันทร์ไร้มุม คือช่วงเวลาที่จิตใจไม่ได้เชื่อมโยงกับแรงกระตุ้นจากดาวอื่น จึงกลายเป็นเวลาของความว่างและความไม่แน่นอน ซึ่งในทางกรรมคือการทดสอบเรื่องการปล่อยวางและการไม่ยึดติด แม้ไม่เหมาะแก่การเริ่มต้นสิ่งใหม่ แต่เหมาะแก่การทบทวน ฟังเสียงภายใน และเชื่อมกับพลังวิญญาณที่สูงกว่า ช่วงเวลาที่ดูว่างเปล่านี้แท้จริงคือของขวัญจากจักรวาลที่ช่วยให้เราเรียนรู้ว่าความว่างคือรากฐานของการเกิดใหม่ทุกสิ่ง
Line : @horomagick
>> https://lin.ee/E6cTL1k
หมายเหตุ:
ข้อความและรูปภาพบนเว็บไซต์นี้ ห้ามนำไปใช้ซ้ำหรือเผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต