🌑 ลิลิธ (Black Moon Lilith) : เงามืดแห่งวิญญาณและพลังดิบของสตรี

🌑 ลิลิธ (Black Moon Lilith) : เงามืดแห่งวิญญาณและพลังดิบของสตรี

Astro Blog

ลิลิธ (Black Moon Lilith) เงามืดแห่งวิญญาณและพลังดิบของสตรี

ในโหราศาสตร์สมัยใหม่ หนึ่งในจุดที่ทรงพลังและลึกลับที่สุดคือ Black Moon Lilith หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า ลิลิธ จุดนี้ไม่ใช่ดาวเคราะห์ แต่เป็นจุดโคจรคำนวณของดวงจันทร์ที่อยู่ห่างออกไปมากที่สุด (Lunar Apogee) แม้เป็นเพียงจุดเชิงคณิตศาสตร์ แต่กลับสะท้อนพลังงานที่เข้มข้นในชีวิตมนุษย์ โดยเฉพาะในมิติของเงามืด เพศสภาพ และพลังดิบที่ไม่ถูกยอมรับ

ในตำนาน ลิลิธถูกเล่าว่าเป็นภรรยาคนแรกของอาดัม ผู้ปฏิเสธที่จะอยู่ใต้อำนาจของเขาและเลือกออกไปใช้ชีวิตตามเจตจำนงของตนเอง ภายหลังเธอถูกทำให้กลายเป็นปีศาจในตำนานเฮบรูและคริสต์ศาสนา แต่ในแง่จิตวิทยาเชิงสัญลักษณ์ ลิลิธคือพลังสตรีที่ไม่ยอมถูกควบคุม เธอคือเสียงแห่งการปลดปล่อยที่ปฏิเสธการกดทับของสังคม

ในเชิง Archetype ลิลิธคือตัวแทนของ The Dark Feminine พลังหญิงที่ป่าเถื่อน ดิบ และไม่ถูกทำให้เชื่อง ด้านสว่างของลิลิธคือการปลุกพลังอิสระ ความกล้าหาญที่จะเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง การยืนหยัดในเพศสภาพและร่างกายอย่างศักดิ์สิทธิ์ แต่ด้านเงาคือการแสดงออกผ่านความโกรธ ความทำลายล้าง หรือการต่อต้านที่ไม่สร้างสรรค์

ในดวงชะตา ตำแหน่งของลิลิธในราศีและเรือนบ่งบอกจุดที่เราถูกผลักให้เผชิญกับเงามืดและพลังที่ซ่อนเร้น เช่น ลิลิธในเรือนที่ 1 อาจสะท้อนความท้าทายเรื่องการแสดงออกตัวตน ลิลิธในเรือนที่ 7 มักแสดงออกผ่านความสัมพันธ์ที่เข้มข้นและซับซ้อน ส่วนลิลิธในราศีพิจิกจะยิ่งขับพลังลึกของการเปลี่ยนแปลงทางเพศและพลังชีวิต การเผชิญหน้ากับตำแหน่งเหล่านี้คือการเรียนรู้ที่จะยอมรับและปรับสมดุลระหว่างพลังดิบและสติ

ในมุม Jungian Archetype ลิลิธสอดคล้องกับ The Shadow Feminine หรือเงามืดของพลังผู้หญิง Jung อธิบายว่า สิ่งที่ถูกปฏิเสธจากจิตสำนึกจะกดลงไปอยู่ในเงา และลิลิธก็คือการกดทับพลังดิบตามธรรมชาติของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นความต้องการ ความปรารถนา หรือแรงขับที่ไม่ถูกยอมรับ การบูรณาการลิลิธจึงหมายถึงการกล้ามองเงามืดตรง ๆ และคืนศักดิ์ศรีให้พลังดิบที่แท้จริงของตนเอง

ลิลิธสะท้อนถึงสนามมอร์ฟิกที่บันทึกบาดแผลของสตรีและมนุษยชาติ ไม่ว่าจะเป็นการถูกกดขี่ ความอับอายทางเพศ หรือการสูญเสียอำนาจในอดีตชาติ การเข้าใจลิลิธในดวงชะตาคือการปลดล็อกบาดแผลเหล่านี้และคืนพลังให้กับวิญญาณ เมื่อเรายอมรับว่าเงามืดคือส่วนหนึ่งของเรา แสงสว่างภายในก็จะสมบูรณ์ขึ้น

บทเรียนของลิลิธคือการเรียนรู้ว่าพลังดิบและเงามืดไม่ใช่ศัตรู หากแต่เป็นพลังที่รอการบูรณาการ มันสอนให้เราปลดปล่อยความละอายที่สังคมกดทับ และยืนหยัดในความเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์แบบ การกล้ารับรู้และเคารพพลังลิลิธคือการกลับคืนสู่อำนาจแท้จริงของตนเอง

“ลิลิธในดวงชะตาคือเงามืดและพลังดิบของวิญญาณ หากเรากล้ามองตรง ๆ และโอบกอดมัน แทนที่จะปฏิเสธ เราจะค้นพบอิสรภาพและพลังแห่งการเป็นตัวเองอย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครสามารถพรากศักดิ์ศรีนี้ไปจากเราได้”

บันทึกฟ้าแผนภูมิดวงชะตาส่วนบุคคล

Line : @horomagick
>> https://lin.ee/E6cTL1k

หมายเหตุ:
ข้อความและรูปภาพบนเว็บไซต์นี้ ห้ามนำไปใช้ซ้ำหรือเผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต

บทความทั้งหมด Blog

เรือนที่ 2 – กรรมแห่งคุณค่า : ราหูเหนือ–ใต้กับการกิน การครอบครอง และความมั่นคง

ราหูเหนือ–ใต้ในเรือนที่ 2 คือบทเรียนแห่ง “กรรมของคุณค่าและความมั่นคง” เรือนนี้สะท้อนพลังของการกิน การครอบครอง และความรู้สึกมั่นคงทางใจ สนามมอร์ฟิคของบรรพบุรุษมักบรรจุเรื่องราวของการดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ความกลัวการสูญเสีย

เรือนที่ 1 – กรรมแห่งการเกิด : ราหูเหนือ–ใต้กับภาพตัวตนและพันธะชีวิตใหม่

ราหูเหนือ–ใต้ในเรือนที่ 1 คือบทเรียนแห่ง “กรรมของการเกิดและการสร้างตัวตนใหม่” เรือนนี้เป็นประตูแห่งการปรากฏตัว เป็นสัญลักษณ์ของการเกิดทั้งทางกายและวิญญาณ ราหูเหนือผลักให้เจ้าชะตาเรียนรู้การเป็นตัวเองโดยไม่ขึ้นกับเงาหรือความคาดหวังของผู้อื่น ขณะที่ราหูใต้เตือนถึงกรรมเก่าของการยึดติดกับภาพลักษณ์และชื่อเสียง สนามมอร์ฟิคของบรรพบุรุษมักบรรจุเรื่องราวของการถูกบดบังหรือถูกบังคับให้หลบแสง

ราหู–กรรม–สนามมอร์ฟิคในราศี

“ราหู–กรรม–สนามมอร์ฟิคในราศี” คือแผนที่แห่งวิวัฒนาการของวิญญาณ ที่เปิดเผยเส้นทางการเรียนรู้ผ่านพลังของจักรราศีทั้ง 12 แต่ละราศีคือบทเรียนที่ราหูเหนือ–ใต้ใช้พาเราผ่านการปลดปล่อยเงาเดิมและสร้างสนามพลังใหม่ ราศีเมษสอนให้กล้าเริ่มต้น, พฤษภให้เข้าใจคุณค่า, มิถุนให้ใช้ถ้อยคำอย่างมีสติ, กรกฎให้เยียวยาครอบครัว,

ราศีมีน – กรรมแห่งการละลาย : ราหูเหนือ–ใต้กับความสับสน เมตตา และการคืนสู่หนึ่งเดียว

ราหูเหนือ–ใต้ในราศีมีน คือบทเรียนแห่ง “กรรมของการละลายและการคืนสู่หนึ่งเดียว” ราศีมีนเป็นจุดสิ้นสุดของจักรราศี ธาตุน้ำที่หลอมรวมทุกสิ่งให้กลับคืนสู่ความเป็นหนึ่ง ราหูเหนือผลักให้วิญญาณเรียนรู้การยอมรับ ปล่อย และไว้วางใจในกระแสของจักรวาล ขณะที่ราหูใต้เตือนถึงกรรมเก่าของการหนี

ราศีกุมภ์ – กรรมแห่งการปฏิวัติ : ราหูเหนือ–ใต้กับเพื่อนฝูง เครือข่าย และความหวังร่วม

ราหูเหนือ–ใต้ในราศีกุมภ์ คือบทเรียนแห่ง “กรรมของการปฏิวัติและอิสรภาพภายในเครือข่าย” พลังของกุมภ์เป็นธาตุลมที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพ ความคิดก้าวหน้า และการสร้างสังคมใหม่ ราหูเหนือผลักให้วิญญาณเรียนรู้การปล่อยอัตตา เพื่อกลายเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ใหญ่กว่า ขณะที่ราหูใต้เตือนถึงกรรมเก่าของการติดอยู่ในอุดมการณ์หรือเครือข่ายจนสูญเสียตัวตน

ราศีมกร – กรรมแห่งภาระ : ราหูเหนือ–ใต้กับอำนาจ เวลา และโครงสร้างชีวิต

ราหูเหนือ–ใต้ในราศีมกร คือบทเรียนแห่ง “กรรมของภาระและความรับผิดชอบ” พลังของมกรเป็นธาตุดินที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้าง เวลา และความมั่นคง ราหูเหนือผลักให้วิญญาณเรียนรู้การสร้างสิ่งยั่งยืนโดยไม่ให้ภาระทำลายหัวใจ ส่วนราหูใต้เตือนถึงกรรมเก่าที่เคยแบกมากเกินไปหรือยึดติดกับอำนาจและสถานะ สนามมอร์ฟิคของบรรพบุรุษในมกรมักเต็มไปด้วยเสียงแห่งความอดทนและการทำงานหนักเพื่อเอาตัวรอด

ราศีธนู – กรรมแห่งศรัทธา : ราหูเหนือ–ใต้กับความเชื่อ ปรัชญา และการแสวงหา

ราหูเหนือ–ใต้ในราศีธนู คือบทเรียนแห่ง “กรรมของศรัทธา” และการแสวงหาความจริงที่แท้จริง ราศีธนูเป็นพลังแห่งไฟที่ผลักให้วิญญาณก้าวออกจากขอบเขตเดิม เพื่อเรียนรู้ ปลดปล่อย และขยายขอบฟ้าแห่งความเข้าใจ ราหูเหนือสอนให้ใช้ศรัทธาเป็นสะพานเชื่อมสู่การเติบโต

ราศีพิจิก – กรรมแห่งความลับ : ราหูเหนือ–ใต้กับเพศ ความตาย และการเกิดใหม่ในสนามมอร์ฟิค

ราหูเหนือ–ใต้ในราศีพิจิก คือบทเรียนแห่ง “กรรมของความลับและการเกิดใหม่” พลังของพิจิกเป็นธาตุน้ำลึกที่เกี่ยวข้องกับความตาย การฟื้นคืน และพลังเพศซึ่งเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนผ่านของชีวิต ราหูเหนือผลักให้วิญญาณเรียนรู้การเผชิญหน้ากับเงา ความสูญเสีย และการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง

@horomagick