มนุษย์เคยเชื่อว่า DNA คือเพียงรหัสพันธุกรรมที่กำหนดรูปร่าง หน้าตา และการทำงานของร่างกาย แต่ในศตวรรษที่ผ่านมา วิทยาศาสตร์ได้เปิดเผยความจริงที่ลึกซึ้งกว่า DNA ไม่ได้เป็นเพียงโค้ดตายตัว แต่คือระบบสื่อสารที่เคลื่อนไหว มีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญที่สุดคือ เสาอากาศชีวภาพที่รับ–ส่งคลื่นความถี่จากจักรวาล
DNA คือสายคู่เกลียวที่หมุนอยู่ในนิวเคลียสของทุกเซลล์ การหมุนและการสั่นของโมเลกุลนี้สร้างรูปแบบคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็ก และมีคุณสมบัติเรโซแนนซ์ สามารถตอบสนองต่อความถี่จากภายนอกได้อย่างแม่นยำ นักวิทยาศาสตร์บางคนอธิบายว่า DNA ทำหน้าที่เสมือน เฟรมวิทยุ ที่รับคลื่นและถอดรหัสข้อมูลพลังงานออกมาเป็นกระบวนการทางชีวภาพ
นี่คือรากฐานของแนวคิดที่ว่า ชีวิตของเราไม่เพียงถูกกำหนดจากภายใน แต่ยังถูกชี้นำและสอดคล้องจากจักรวาล ทุกการเคลื่อนของดาวเคราะห์คือคลื่นสนามพลังที่สะท้อนมายังโลก เมื่อกระทบกับ DNA ในร่างกาย มันสามารถปลุกหรือกดศักยภาพบางอย่างได้ คล้ายการเปิด–ปิดสวิตช์ยีนที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า Epigenetics
Morphogenesis : สนามรูปแบบของชีวิต
นักชีววิทยา Rupert Sheldrake เสนอแนวคิด Morphic Field หรือสนามรูปแบบของชีวิต ว่าการเติบโตของสิ่งมีชีวิตไม่ได้ถูกกำหนดจาก DNA เพียงอย่างเดียว แต่ยังอาศัยสนามพลังที่บันทึกแบบแผน ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด เช่น รูปทรงดอกไม้ป่า การเรียงตัวของผลึกเกลือ หรือแม้แต่พฤติกรรมของมนุษย์
เมื่อเชื่อมโยงกับโหราศาสตร์ สนามมอร์ฟิกนี้เปรียบเสมือนสนามอากาชิก ที่เก็บรหัสวิวัฒนาการของวิญญาณเอาไว้ ดวงชะตาที่เราได้รับเมื่อเกิดคือการแสดงออกหนึ่งของสนามนั้นผ่านตำแหน่งดาวเคราะห์ แต่ละดาวในจังหวะเวลาและมุมสัมพันธ์จึงเหมือนการวางรหัสเรโซแนนซ์ ลงใน DNA เพื่อบอกว่าเรามีศักยภาพแบบใด และบทเรียนใดที่วิญญาณเลือกมาเรียนรู้
ดวงดาวกับการกระตุ้น DNA
เมื่อดาวเคราะห์เคลื่อนผ่านและเกิด Transit หรือมุมสัมพันธ์กับตำแหน่งดั้งเดิมในดวงชะตา มันไม่เพียงหมายถึงเหตุการณ์ภายนอก แต่ยังสะท้อนการกระตุ้นสนามภายใน DNA
▪️อาทิตย์ ทำหน้าที่เหมือนตัวกระตุ้นหลัก ปลุกการแสดงออกของยีนที่เชื่อมโยงกับพลังชีวิตและตัวตน
▪️จันทร์ กระตุ้นการตอบสนองในระดับอารมณ์ ฮอร์โมน และการทำงานของน้ำในเซลล์
▪️ดาวพุธ เชื่อมกับระบบประสาทและการส่งสัญญาณระหว่างเซลล์
▪️ดาวศุกร์และดาวอังคาร ส่งผลต่อฮอร์โมนเพศและแรงขับเคลื่อนสืบพันธุ์
▪️ดาวพฤหัสและดาวเสาร์ มีผลยาวนานต่อโครงสร้าง DNA ในการปรับสมดุลระหว่างการขยายและการจำกัด
▪️ดาวยูเรนัส เนปจูน พลูโต ทำงานในระดับลึกมากกว่า เปลี่ยนโครงสร้างสนามมอร์ฟิกที่เชื่อม DNA กับวิญญาณ
เมื่อนำมุมสัมพันธ์ เช่น Trine, Square, หรือ Opposition มาอธิบาย เราจะเห็นว่าแท้จริงแล้วคือการบอกว่า DNA ของเราได้รับคลื่นเรโซแนนซ์ในรูปแบบใด
DNA เป็นเสาอากาศของวิญญาณ
มีการทดลองหลายครั้งที่บ่งบอกว่า DNA สามารถเก็บและส่งต่อข้อมูลนอกเหนือจากพันธุกรรมปกติ นักวิทยาศาสตร์รัสเซียพบว่า DNA สามารถ “สื่อสารด้วยแสง” หรือ Biophoton Emission ทำให้เซลล์สามารถส่งข้อมูลหากันผ่านสนามพลังแม้อยู่ห่างกัน
ในเชิงปรัชญา นี่คือเหตุผลว่าทำไม การภาวนา การตั้งเจตนา หรือการทำพิธีกรรม สามารถส่งผลถึงระดับเซลล์ได้ เพราะเจตนาคือการปล่อยคลื่นความถี่เข้าไปใน DNA และ DNA ตอบสนองในรูปแบบที่สอดคล้อง
หากโยงกับโหราศาสตร์ นี่หมายความว่า พื้นดวงคือเจตนาแรกของวิญญาณ ที่บันทึกลงใน DNA ผ่านสนามจักรวาล ณ เวลาที่เกิด เราจึงไม่อาจมีใครดวงซ้ำกันได้ เพราะไม่มีใครมีรหัส DNA และตำแหน่งดาวที่เหมือนกันทุกประการ
จากกรรมสู่วิวัฒนาการ
เมื่อมองในมิติกรรม DNA อาจเปรียบเหมือนบันทึกของกรรมเก่า เป็นทั้งร่องรอยของบรรพบุรุษและการเลือกของวิญญาณที่มาเกิดในครอบครัวหนึ่ง ๆ ในทางวิทยาศาสตร์ สิ่งนี้สอดคล้องกับแนวคิด Epigenetic Inheritance ที่ว่า ยีนบางอย่างอาจถูกเปิด–ปิด ตามประสบการณ์ชีวิตของบรรพบุรุษและส่งต่อมาถึงรุ่นถัดไป
ดวงดาวที่สอดคล้องกับ DNA จึงทำให้เราเห็นว่าชีวิตคือการเดินทางผ่าน กรรมที่บันทึกในร่างกาย เพื่อเรียนรู้และเปลี่ยนมันเป็นการตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ การทำสมาธิ การเยียวยาภายใน และการมีสติในปัจจุบัน จึงเป็นการ “เขียนโค้ดใหม่” ให้ DNA ตอบสนองในรูปแบบที่สูงขึ้น
Morphogenesis และโหราศาสตร์เชิงคลื่น
หากเรามองจักรวาลเป็นเครือข่ายของคลื่น โหราศาสตร์ก็คือวิธีถอดรหัสว่าในเวลานั้นคลื่นใดสอดคล้องกับ DNA ของเรา การเกิดมาพร้อมกับดวงดาวที่จัดวางในรูปแบบเฉพาะเปรียบเสมือนการถูกจูนให้สอดคล้องกับ “เพลง” หนึ่งเพลง ซึ่งคือบทเรียนและพรสวรรค์ที่เราจะได้สัมผัส
การเคลื่อนของดาวใหญ่ เช่น Pluto Transit หรือ Saturn Return จึงเปรียบเหมือน การเปลี่ยนคีย์เพลง ของชีวิต ที่บังคับให้ DNA ของเราปรับตัวใหม่ ปลดล็อกความทรงจำที่ลึกขึ้น และยกระดับจิตวิญญาณให้ก้าวสู่บทใหม่
DNA ไม่ได้เป็นเพียงรหัสพันธุกรรม แต่คือเสาอากาศที่รับ–ส่งพลังงานจักรวาล สนามมอร์ฟิกและอากาชิกคอร์ดคอยบันทึกความทรงจำของวิญญาณ และโหราศาสตร์คือภาษาที่อธิบายว่าคลื่นเหล่านี้กำลังทำงานอย่างไรในแต่ละช่วงเวลา
เมื่อเราเข้าใจว่าดวงดาวและ DNA สะท้อนกัน เราจะเห็นว่าชีวิตไม่ใช่สิ่งที่ถูกกำหนดตายตัว แต่คือการเล่นแร่แปรธาตุระหว่างกรรมเก่ากับศักยภาพใหม่ที่วิญญาณเลือก การรู้จักดวงชะตาจึงไม่ใช่การหนีอนาคต แต่คือการเรียนรู้รหัสใน DNA เพื่อใช้ปัจจุบันสร้างอนาคตใหม่อย่างมีสติ
“ทุกเซลล์ในร่างกายคือดวงดาวเล็ก ๆ และทุกเกลียว DNA คือบันทึกแห่งจักรวาล เมื่อเราฟังเสียงของมัน เรากำลังฟังเสียงของวิญญาณตนเอง”
Line : @horomagick
>> https://lin.ee/E6cTL1k
หมายเหตุ:
ข้อความและรูปภาพบนเว็บไซต์นี้ ห้ามนำไปใช้ซ้ำหรือเผยแพร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต